ปู พื้นฐาน Poker สำหรับมือใหม่ ก่อนเทิร์นโปร

เกมไพ่โป๊กเกอร์เป็นเกมไพ่ที่สามารถเล่นเป็นอาชีพได้ แม้ใครหลายคนมองว่ามันคือเกมการพนัน แต่เพราะมันเป็นเกมการพนันจึงสามารถที่จะทำเงินและสร้างเป็นรายได้หลักให้กับนักโป๊กเกอร์มืออาชีพได้ ดังจะเห็นได้จากการจัดแข่งทัวร์นาเม้นใหญ่ที่ให้การสนับสนุนโดยบ่อนคาสิโนชื่อดังในลาสเวกัส รวมไปถึงรายการแข่งขันอื่น ๆ ทั่วโลก เพราะเกมไพ่โป๊กเกอร์นั้นนอกจากจะอาศัยในเรื่องดวงแล้ว จิตวิทยาและฝีมือในการเล่นถือเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เล่นประสบความสำเร็จได้ โดยในวันนี้จะมาปู พื้นฐาน Poker สำหรับมือใหม่ให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ รูปแบบไพ่ต่าง ๆ ให้ได้รู้ก่อนคิดที่จะเทิร์นโปร เพื่อที่จะได้มีความรู้เบื้องต้นในการเล่นได้ ส่วนที่เหลือจะต้องอาศัยประสบการณ์ในการเล่นก่อนที่เทิร์นโปรได้

พื้นฐาน Poker คะแนนของไพ่และลำดับดอกไพ่

ก่อนที่จะไปเรียนรู้ในส่วนอื่น ๆ ที่เป็นเทคนิคอันลึกซึ้ง ผู้เล่นควรรู้ พื้นฐาน Poker เกี่ยวกับคะแนนและลำดับของดอกไพ่โป๊กเกอร์กันเสียก่อนว่ามีอะไรบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็น พื้นฐาน Poker ที่มือใหม่ต้องรู้เป็นลำดับต้น ๆ เลยทีเดียว การเล่นไพ่โป๊กเกอร์จะใช้ไพ่ในการเล่นเพียง 1 สำรับ ซึ่งจะมีไพ่ด้วยกันทั้งหมด 52 ใบ 13 หน้าไพ่ แต่ละหน้าไพ่ก็จะมีแต้มที่แตกต่างกันไปสามารถเรียงลำดับคะแนนสูงต่ำได้ดังนี้

  • ไพ่ A มีคะแนนสูงสุด หากเป้นไพ่เรียงจะมีค่า 1 คะแนนสำหรับการนับคะแนนไพ่
  • ไพ่ K King มี 13 คะแนน
  • ไพ่ Q Queen มี 12 คะแนน
  • ไพ่ J Jack มี 11 คะแนน
  • ไพ่ 2- 10 มีคะแนนตามหน้าไพ่ 2-3-4-5-6-7-8-9-10

การจัดเรียงลำดับของดอกไพ่จากใหญ่ที่สุดไปหาดอกน้อยสุด ได้แก่
โพธิ์ดำ>โพธิ์แดง>ข้าวหลามตัด>ดอกจิก
ซึ่งในการจัดเรียงลำดับไพ่นี้เพื่อให้รู้ว่าไพ่ดอกอะไรใหญ่กว่ากันเมื่อผู้เล่นมีแต้มเท่ากัน เช่น K โพธิ์ดำ กับ K โพธิ์แดง K โพธิ์ดำจะใหญ่กว่า Kโพธิ์แดง, 5 โพธิ์แดง ใหญ่กว่า 5 ข้าวหลามตัด, 6 ข้าวหลามตัด ใหญ่กว่า 6 ดอกจิก เป็นต้น ซึ่งรูปแบบในการจัดเรียงลำดับของดอกไพ่นี้ถือเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลก

พื้นฐาน Poker การจัดลำดับความใหญ่ของไพ่ในการเล่นโป๊กเกอร์

เป็นที่รู้ ๆ กันว่าในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์นั้นจะมีการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นคนละ 2 ใบ เท่านั้น ที่เหลือจะเป็นการวางไพ่กองกลาง 5 ใบ ผู้เล่นจะต้องนำไพ่ 2 ใบที่ตนเองถือมาประกอบกับไพ่กองกลางให้เกิดไพ่ที่ใหญ่ที่สุด จึงจะสามารถเอาชนะคู่แข่งขันรายอื่น ๆ ได้ ซึ่งการเรียงไพ่ให้ใหญ่นี่แหละที่เป็นหัวใจในการเล่น โป๊กเกอร์ออนไลน์ เลยทีเดียว ซึ่งลำดับไพ่ที่ใหญ่สุดไปน้อยสุดที่ใช้เป็น พื้นฐาน Poker มีอะไรบ้างไปดูกัน

  • ลำดับที่ 1Royal Straight Flush
    คือการเรียงไพ่ด้วยกันทั้งหมด 5 ใบและต้องเป็นดอกเดียวกันทั้งหมดได้แก่ 10-J-Q-K-A โพธิ์ดำ ไพ่ชุดนี้คือไพ่ชุดที่ใหญ่ที่สุดในเกมไพ่โป๊กเกอร์ ซึ่งมีโอกาสที่ผู้เล่นจะได้ไพ่ชุดนี้อยู่ที่ 0.00015% เท่านั้น หากใครมีไพ่เรียงชุดนี้รับรองชนะล้านเปอร์เซ็นต์
  • ลำดับที่ 2 Straight Flush
    คือการเรียงไพ่ด้วยกันทั้งหมด 5 ใบและต้องเป็นดอกเดียวกัน เช่น 2-3-4-5-6 โพธิ์ดำ ซึ่งมีโอกาสที่ผู้เล่นจะได้ไพ่ชุดนี้เพียง 0.0015% ถือว่าเป็นไพ่ชุดที่พอให้เห็นอยู่บ้าง
  • ลำดับที่ 3 Four of Kind
    คือไพ่ที่หน้าไพ่เหมือนกันทั้ง 4 ใบ เช่น K โพธิ์ดำ, K โพธิ์แดง, K ข้าวหลามตัด, K ดอกจิก โอกาสที่จะเกิดไพ่ 4ใบเหมือนนี้จะอยู่ที่ 0.024%
  • ลำดับที่ 4 Full House
    เป็นไพ่ที่ประกอบไปด้วยไพ่ตอง 1 ชุด และไพ่คู่ 1 คู่ รวมได้ 5 ใบ เช่น ไพ่ A โพธิ์ดำ, A ข้าวหลามตัด, A ดอกจิก, 5 โพธิ์แดง และ 5 ข้าวหลามตัด ไพ่ชุดนี้มีโอกาสได้เห็นบ่อยพอสมควร ในการเทียบว่าไพ่ใครใหญ่สุดให้ดูที่ไพ่ตองว่าไพ่ตองใครใหญ่กว่ากัน ในที่นี้ตอง A จะใหญ่ที่สุด
  • ลำดับที่ 5 Flush
    ได้แก่ไพ่ที่มีสีและดอกเดียวกันทั้ง 5 ใบ เช่น 5 โพธิ์แดง, 7 โพธิ์แดง, 10 โพธิ์แดง, J โพธิ์แดง และ K โพธิ์แดง โดยไม่จำเป็นว่าไพ่ต้องเรียงกัน หากไพ่ที่มี Flush เหมือนกันให้ดูลำดับของดอกไพ่ โอกาสที่ออกจะอยู่ที่ 0.2%
  • ลำดับที่ 6 Straight
    คือไพ่ที่เรียงกัน 5 ใบ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสีและดอกเดียวกัน เช่น 6 ดอกจิก, 7 ข้าวหลามตัด, 8 โพธิ์ดำ, 9 ดอกจิก และ 10 โพธิ์ดำ ในกรณีที่เจอไพ่เรียงเหมือนกัน อย่างอีกคนได้ 3ข้าวหลามตัด, 4 ดอกจิก, 5โพธิ์ดำ, 6 ดอกจิก, 7 ข้าวหลามตัด ไพ่เรียงชุดแรกถือเป็นฝ่ายชนะ เพราะเรียงไพ่ได้แต้มสูงกว่า มีโอกาสการเกิดถึง 0.39%
  • ลำดับที่ 7 Three of Kind ไพ่ตอง
    ไพ่ตองคือไพ่ 3 ใบเหมือน มีโอกาสได้อยู่ที่ 2.1% ส่วนตองแบบไหนใหญ่กว่าก็ให้ดูที่หน้าไพ่ได้เลย
  • ลำดับที่ 8 Two Pair
    คือไพ่ 2 คู่เหมือน เช่น K-K, 8-8, 9 ส่วนการวัดว่าไพ่ใครใหญ่กว่าให้ดูไพ่คู่ที่คะแนนสูงสุด โอกาสที่จะออกอยู่ที่ 4.75%
  • ลำดับที่ 9 One Pair
    ไพ่คู่เดียวเป็นรูปแบบไพ่ที่พบเห็นได้บ่อย หากผู้เล่นมีไพ่คู่เดียวเหมือนกัน ให้ดูว่าคู่ของใครใหญ่กว่ากัน
  • ลำดับสุดท้าย High Card
    คือไพ่ที่ไม่มีคู่ ไม่มีสีใด ๆ ที่เข้าพวกได้เลย จะเน้นคะแนนบนมือเป็นหลัก ใครที่มีแต้มสูงถือว่าเป็นฝ่ายชนะ โดยปกติแล้ว หากเปิดไพ่มาในรอบ Flop (หงายกองกลาง 3 ใบ) แล้วไม่มีไพ่ที่จะสามารถเล่นได้ส่วนใหญ่มักจะหมอบ เพราะมีโอกาสชนะค่อนข้างต่ำ ยกเว้นบางคนที่มีจิตวิทยาสูงอาจล่อหลอกให้คู่แข่งคนอื่น ๆ ยอมแพ้ได้ ทั้งที่ไพ่คู่แข่งเหนือกว่า ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่าการลักไก่ แต่สำหรับในการเล่นระดับอาชีพแล้ว การลักไก่โอกาสที่จะเกิดแถบไม่มีเลย เพราะถ้าไพ่ไม่ใหญ่จริงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเล่นกันเสียมากกว่า

คำศัพท์ พื้นฐาน Poker ที่พบได้บ่อยในเกม โป๊กเกอร์ออนไลน์

  • All in คือการวางเงินเดิมพันแบบหมดหน้าตัก ส่วนใหญ่จะใช้เมื่อคิดว่าไพ่ตนเองเหนือกว่าและเพื่อการขู่ผู้เล่นคนอื่น
  • Call คือการวางเงินเดิมพันตามผู้เล่นอื่น ในจำนวนเท่า ๆ กัน หรือเรียกว่า สู้ เช่น มีคนลงเงิน 10 หน่วย เราก็ call ตามลงไป 10 หน่วย
  • Check ขอผ่านโดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดิมพัน ยกเว้นมีคน Raise เราจะต้อง call ไปตามจำนวนเงินที่สูงสุดก่อนจะ Check ได้
  • Raise การเพิ่มเงินเดิมพัน ใครที่ต้องการจะสู้จะต้องวางเงินเดิมพันให้เท่ากับผู้เล่นคนอื่น ๆ
  • Fold การหมอบไพ่ โดยยอมเสียเงินที่เคยวางเดิมพันลงไป
  • Bet เงินเดิมพัน
  • Pot คือเงินกองกลางในแต่ละรอบการเล่น ใครชนะก็จะได้เงินกองกลางนี้ไป

คำศัพท์ พื้นฐาน Poker สำหรับตำแหน่งในการเล่น

  • Dealer คือตำแหน่งผู้เล่นคนสุดท้าย ถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด
  • Button ตำแหน่งปุ่มหรือสัญลักษณ์เอาไว้บอกตำแหน่ง ซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามทิศเข็มนาฬิกา
  • Big Blind (BB) คือ ผู้เล่นที่ถูกบังคับให้วางเงินเดิมพันตามเกมที่กำหนดแบบเต็มจำนวน
  • Small Blind (SB) คือ ผู้เล่นที่ถูกบังคับวางเงินเดิมพันตามกำหนด แต่จะวางเงินเดิมพันแค่ ½ หรือ ครึ่งหนึ่งเท่านั้น

วิธีเล่นไพ่ โป๊กเกอร์ออนไลน์

พื้นฐาน Poker ในการเล่นนี้จะยกตัวอย่างวิธีการเล่นในแบบ Texas hold’em ซึ่งมีวิธีการเล่นดังนี้
1.เริ่มเกมผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่ง BB และ SB จะต้องวางเงินเดิมพันลำดับแรกตามอัตราที่เกมกำหนดมา
2. คนแจกไพ่จะเริ่มแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคน โดยเริ่มจากตำแหน่ง BB เป็นตำแหน่งแรก จนไปถึงตำแหน่งสุดท้ายด้วยจำนวนไพ่ที่ได้จะได้รับคนละ 2 ใบ
3.ผู้เล่นทำการตรวจสอบไพ่ของตนเอง ก่อนที่จะเริ่มวางเงินเดิมพัน โดยในรอบนี้ BB จะเริ่มเล่นก่อนเป็นคนแรก จากนั้นจะหมุนวนกันไปตามเข็มนาฬิกา จนกระทั้งถึงคนสุดท้ายที่ Button Dealer ผู้เล่นแต่ละคนจะมีทางเลือกในการเล่นเพียงแค่ Fold(หมอบ) Call (ตาม) Raise (เกทับ) และ Check (ผ่าน)
4. ผู้เล่นจะต้องเล่นด้วย 4 ตัวเลือกในข้อที่ 3 จนกว่าเงินเดิมพันจะเท่ากันกับผู้เล่นคนอื่น ๆ จนครบรอบ เมื่อเงินเดิมพันเท่ากันหมดทุกคนจึงจะเริ่มรอบใหม่
5.รอบ Flod ในรอบนี้คนแจกไพ่จะทำการหงายไพ่บนโต๊ะ เป็นไพ่กองกลางที่ผู้เล่นจะต้องพิจารณาในการจับไพ่เข้าคู่กับไพ่ 2 ใบในมือ จากนั้นก็จะเริ่มเดิมพันกันอีกครั้งหนึ่ง ผู้เล่นก็จะมีทางเลือกในการเล่นแบบเดิมคือ Fold (หมอบ) Call (ตาม) Raise (เกทับ) และ Check (ผ่าน) จนกว่าเงินเดิมพันจะเท่ากันกับผู้เล่นคนอื่น ๆ จนครบรอบ เมื่อเงินเดิมพันเท่ากันหมดทุกคนจึงจะเริ่มรอบใหม่
6. รอบ Turn ในรอบนี้คนแจกไพ่จะหงายไพ่ใบที่ 4 ซึ่งจะเรียกว่า Turn จากนั้นก็จะเริ่มเดิมพันกันอีกครั้งหนึ่ง ผู้เล่นก็จะมีทางเลือกในการเล่นแบบเดิมเหมือนรอบที่ผ่านมา
7. รอบ River หรือ รอบสุดท้าย คนแจกไพ่จะหงายไพ่ใบที่ 5 ที่เรียกว่า River รอบนี้จะเป็นรอบสุดท้าย ผู้เล่นจะต้องนำไพ่ 2 ใบในมือมาประกอบกับไพ่ 5 ใบกองกลาง เพื่อวัดคะแนนกันใครไพ่ใหญ่และมีคะแนนมากกว่าคนนั้นก็ชนะได้เงินกองกลาง (Pot) ไป ถือเป็นการจบรอบการเล่น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ พื้นฐาน Poker คำศัพท์ทางเทคนิคและวิธีการเล่นไพ่ โป๊กเกอร์ออนไลน์ ที่มือใหม่จำเป็นจะต้องรู้ ซึ่งการเล่นไพ่โป๊กเกอร์นี้ นอกจากจะอาศัยดวงในการเล่นแล้ว จิตวิทยาถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก เพราะบางเกมหากไพ่ในมือสวยและใหญ่จริง ๆ ก็จำเป็นที่จะต้องล่อหลอกให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ รู้ว่าเรามีไพ่แต้มต่ำ เพื่อดึงเงินผู้เล่นคนอื่น ๆ ออกมากองให้เราเยอะ ก่อนสุดท้ายเราจะกลายเป็นผู้ชนะ อีกอย่างการระงับอารมณ์ไม่แสดงอาการดีใจจนเกินไปเมื่อมีไพ่ใหญ่ในมือก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ที่ผู้เล่นจำเป็นต้องฝึกฝน เพราะถ้ามีคนรู้ว่าเรามีไพ่ใหญ่ก็จะพากันหมอบทำให้ไม่มีใครขนเงินมาซื้อ แบบนี้เรียกว่าเสียของเพราะไพ่ใหญ่แต่ไร้เงินรางวัลก็ไม่มีค่าอะไรเลย

บทความใกล้เคียง

กลยุทธ์ การเล่น poker ก่อนฟลอบ

กลยุทธ์ การเล่น poker ก่อนฟลอบ จะมีอะไรบ้าง และเหมาะกับนักเดิมพันแบบใด ถ้าคุณยากรู้ ก็สามารถคลิกเข้ามาดูคำตอบจากเว็บนี้ได้เลย

อ่านเพิ่ม